“ขอต้อนรับทุกท่านสู่รายการข่าวสั้นเมืองสมมติหมายเลข 49 เราคือมหานครอันหมดจดและผ่องใส ไปด้วยสันติสุขแห่งสรรพชีวิตอันมีค่าเท่าเทียมกัน”
สำหรับข่าวแรกวันนี้ มีรายงานว่าเกิดกลุ่มชุมนุมประท้วงที่หน้ากระทรวงทรัพยากรอาหาร นับจากผลการเลือกตั้งประกาศให้ข้าวเหนียวกลายเป็นอาหารหลักประจำชาติ ครองตลาดกว่า75% ซึ่งจำส่งผลให้งบประมาณในภาคอุตสาหกรรมข้าวเหนียว และภาควิชาการเกี่ยวกับข้าวเหนียวเพิ่มสูงขึ้น แทนที่ข้าวสาลีที่ครองเสียงมากว่าสี่สมัย ส่งผลให้กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวสาลีมากว่าทศวรรษ รวมทั้งบรรดาลุ่มผู้บริโภคในนาม ‘สมาคมคนรักข้าวสาลี’ ออกมาประท้วงเป็นการใหญ่
หัวหน้ากลุ่มสมาคมคนรักข้าวสาลีให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนว่า “ผลโหวตครั้งนี้มันบ้าชัดๆ คิดได้ยังไงจะให้ทั้งประเทศบริโภคข้าวเหนียวเป็นอาหารหลัก เปลืองน้ำ เคี้ยวก็ยาก เอามาทำขนมปังก็ไม่ได้” เสียงเฮเชียร์ตามมาจากกลุ่มสนับสนุนด้านหลังเป็นระยะ ในมือทุกคนมีรวงข้าวสาลีชูไสว
หากความเห็นตอบโต้จากฝั่งเสียงข้างมากก็ถูกถ่ายทอดต่อมาในเวลาไล่เรี่ยกัน “ในนามประชากรชาวเมืองสมมติหมายเลข 49 เราถูกบังคับให้บริโภคข้าวสาลีเป็นหลักมากว่าทศวรรษ นี่มันควรจะถึงเวลาการเปลี่ยนแปลง และเสียงของเราก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าข้าวสาลีนั้นคร่ำครึแค่ไหน
การถกเถียงถูกถ่ายทอดไปมาสลับกันทีละฝั่ง ไม่มีทีท่าจะหยุดลง เมื่อได้ยินเสียงคนข้างๆถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผมจึงตัดสินใจสั่งหยุดการรายงานข่าว เจ้าตัวฉายภาพขนาดจ้อยจึงปิดตาลงแล้วค่อยๆกลิ้งกลับไปขดม้วยเก็บตัวอยู่ในที่ของมัน
“เป็นอะไรไป” ผมหันไปถามภรรยา เธอนั่งทำหน้านิ่ว ผมจึงกล่าวต่อ “เรื่องแค่นี้ก็ต้องมาทะเลาะกันใหญ่โตเนอะ ว่าไหม”
เธอส่ายหัว “ฉันว่ามันไม่ใช่เรื่อง ‘แค่นี้’ นะ นี่มันนรกชัดๆ”
ถึงตอนนี้ผมจึงนึกขึ้นมาได้ว่า พ่อแม่เธอเป็นนักธุรกิจถือหุ้มอยู่ในบริษัทผลิตบะหมี่จากข้าวสาลีรายใหญ่ เหตุการณ์นี้จะต้องส่งผลกระทบแน่
“จริงๆฉันไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะต้องมาโหวตอะไรกันให้ยุ่งยาก เราบริโภคข้าวสาลีกันมากว่าสิบปี อยู่ๆคนพวกนี้นึกจะมาเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้หรือ”
เรื่องนี้ผมไม่มีความเห็น แต่ในฐานะทนายความ เรื่องทั้งหมดถูกตราขึ้นเป็นกติกา ที่เราเรียกกันว่ากฎหมาย
ซึ่งหลักสำคัญที่สุดของระบอบการปกครองของเมืองสมมติหมายเลข 49 ของเรา คือการยึดความเห็นประชาชนในชาติเป็นหลักใหญ่ ทุกคนมีสิทธิ์และอำนาจในการตัดสินใจทุกนโยบายและปัญหาร่วมกัน .. ‘ทุก’ นโยบาย และปัญหา โชคดีหน่อยว่าเราพัฒนาระบบการเลือกตั้งมาได้ในระดับสูงด้วยระบบเครือข่ายถาวร ไม่อย่างนั้นคงต้องเสียงบประมาณในการจัดการเลือกตั้งปีละหลายครั้งไปหลายล้านเหรียญสมมติ เสียงทุกเสียงมาจากคนทุกคนในชาติอย่างแท้จริง แต่นั่นล่ะปัญหาก็ยังมีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
“บางเรื่องที่เห็นกันอยู่ชัดๆว่ามันควรจะไปทางไหน ไม่เห็นจะต้องโหวตอะไรให้ยุ่งยาก”
“นั่นจะยิ่งยากใหญ่” ผมหัวเราะ พอเธอหันมาเลิกคิ้วใส่จึงอธิบายต่อ “รัฐธรรมนูญของเราให้ความสำคัญกับการรับฟังเสียงทุกฝ่าย ถ้าทำอย่างนั้นยังไงก็ต้องจัดโหวตกันอีกว่า เรื่องไหนจะต้องโหวต เรื่องไหนไม่ต้องโหวต สุดท้ายมันก็งูกินหาง”
เห็นเธอถอนใจผมก็ไม่คิดอยากต่อความอะไรอีก จึงออกความเห็นว่าคืนนี้ควรเข้านอนเสียที อย่างไรเสียพรุ่งนี้ข้าวสาลีก็ยังคงมีอยู่ในตลาดเหมือนเดิม กว่าการเปลี่ยนแปลงจะเห็นผลก็คงอีกระยะหนึ่ง
****
กลางดึกคืนนั้น เสียงสัญญาณติดต่อของผมดังขึ้น เป็นความผิดของผมเองที่ไม่ได้ปิดมันก่อนเข้านอน ปลายสายมาจากชายร่างบึกเขต14 ที่ผมเคยว่าความให้ประจำ และผมเดาไม่ผิด ครั้งนี้เขามีงานให้ผมช่วยอีกครั้ง
เมื่อวันใหม่มาถึง ผมจึงต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด เพื่อไปพบเขาที่ร้านประจำ แต่เมื่อผมได้ฟังเรื่องราวทุกอย่าง ก็ได้แต่ส่ายศีรษะถอนใจ
ในครั้งแรกที่เราเจอกัน มันเป็นช่วงที่เนื้อปลาแพ้โหวตให้กับเบค่อน ฝ่ายเสียงข้างน้อยอ้างเอาสุขภาพมาเป็นแกนหลัก แต่ก็ไม่อาจจะชนะฝ่ายนิยมชมชอบในเบค่อนไปได้ ชายคนนี้มาหาผมด้วยข้อพิพาทกับชายอีกคนที่สนับสนุนเนื้อปลา
“ถ้าไม่ชอบเบค่อนก็ออกจากประเทศไปซะสิ อีกสี่ปีค่อยกลับมาใหม่” คำพูดของเขาค่อนข้างจะรุนแรง จนทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจและตั้งข้อกล่าวหา ทว่าผมกลับไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ
เขาพูดถูก .. ผมเห็นใจคู่ความของผมอย่างมาก หากเนื้อปลายังมีอยู่ในตลาดตามเดิม แม้จะในสัดส่วนที่น้อยกว่า ผลโหวตคือข้อกำหนดใหญ่สุดของกฎหมายที่ให้ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน เสียงหนึ่งเสียงไม่อาจเปลี่ยนมติที่ตัดสินไปแล้วได้ แต่เสียงหนึ่งเสียงนั้นมีอำนาจในการย้ายถิ่นฐานของตัวเองได้
หลังจากนั้นผมก็ได้ยินว่านายคนรักเนื้อปลาย้ายไปยังเมืองอื่นจริงๆ เป็นเมืองสมมติหมายเลข 47 ที่ชูความอิสระเสรีของทุกฝ่ายเป็นหลัก ผมไม่เคยไปที่นั่น แต่ได้ยินมาว่าไม่มีการจัดโหวตในเรื่องใดๆก็ตาม บางครั้งนายคนรักเนื้อปลาอาจจะได้กินปลาอย่างมีความสุข ผมไม่อาจคาดเดาได้ว่าเมื่อถึงเวลาโหวตอีกครั้ง เขาจะกลับมาหรือไม่ แน่นอนว่าถ้าเขาย้ายกลับมา แม้จะกระทันหันเพียงหนึ่งวัน เสียงของเขาก็มีอำนาจในการโหวตเหมือนเราทุกคน เพราะนี่คือเมืองสมมติหมายเลข 49
แต่นั่นมันเรื่องเมื่อสองปีก่อน .. ปีนี้ คดีความของพี่ร่างบึกต่างออกไป
พี่แกมาในฝ่ายของคนที่มาฟ้องร้านแกงกะหรี่เจ้าประจำที่เปลี่ยนจากข้าวสวยเป็นข้าวเหนียว
“แกงกะหรี่บ้าอะไรราดข้าวเหนียว นี่มันบ้าไปแล้ว!!” เขามาพร้อมความกราดเกรี้ยวเต็มจิตใจ ด้วยเป็นลูกค้าร้านนี้มาเป็นเวลาหลายปี “ตอนช่วงนโยบายข้าวสาลียังไม่เห็นต้องเอาบิสกิตมาจิ้มกินเลย!”
แต่ทางร้านให้การว่า ที่ตัดสินใจเปลี่ยนเพราะนโยบายข้าวเหนียวให้เงินสนับสนุนแก่ร้านที่ใช้ผลิตภัณฑ์จากข้าวเหนียวมากขึ้นกว่าสามเท่า .. ผมฟังดูแล้วก็คิดว่าเป็นเหตุจูงใจที่ใช้ได้ แต่ในเวลาเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าเห็นด้วยกับพี่ร่างบึก .. แกงกะหรี่กับข้าวเหนียว ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่ามันจะเป็นยังไง น่าเสียดายที่ผมทานข้าวเช้ามาจากบ้านก่อนแล้ว และแน่นอนว่าเป็นขนมปังจากข้าวสาลี
ครั้งนี้ผมเสียใจอย่างยิ่ง ที่ต้องบอกพี่ร่างบึกว่า “พี่น่าจะต้องหาร้านประจำใหม่” หลังจากทุกอย่างคลี่คลาย พี่บึกแกยังฟึดฟัดอยู่หลายที แช่งกราดว่าร้านนั้นจะต้องเจ๊งในไม่ช้า ซึ่งผมก็ว่าน่าจะเป็นไปได้อยู่ อย่างไรเสีย การเปลี่ยนการตัดสินใจคนอื่นโดยไม่ผ่านการเห็นชอบ อยู่นอกกรอบอำนาจที่พลเมืองที่นี่กระทำได้
ผมขอโทษพี่บึกอยู่หลายครั้ง พยายามอธิบายจนแกเข้าใจ แต่ไม่รู้ว่าแกจะหาร้านประจำร้านใหม่ หรือเลิกกินแกงกะหรี่ไปเลย
‘การยัดความคิด’ กับ ‘การให้วามรู้’ อาจอยู่ห่างกันแค่เส้นกั้นบางๆ
“ระบอบไม่ผิด ผิดที่การศึกษา” คือคำขวัญประจำใจกลุ่มนักเคลื่อนไหวผู้รักสุขภาพยึดถือมาตลอด ผมนึกขึ้นได้ขณะดูรายงานข่าวช่วงบ่าย เกี่ยวกับค่ายอบรมเกี่ยวกับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่แพ้โหวตไปเมื่อหลายปีที่แล้ว แน่นอนว่าผู้สนับสนุนเรื่องนี้หลายคนอยู่ในแวดวงธุรกิจ รวมทั้งกลุ่มรักสิ่งแวดล้อม แต่ฝ่ายคนรักหนังสือยืนกรานว่ากระดาษให้สัมผัสในการอ่านที่ดีกว่า และยินดีจะปลูกต้นไม้ทดแทน ซึ่งดันไปกระตุ้นความสนใจของกลุ่มคนรักป่าให้มาร่วมโหวตด้วย จากวันนั้นภาคธุรกิจยอมรับผลโหวต แต่ระดมเงินมหาศาลให้ความรู้แนวทางการอ่านแบบสมัยใหม่ ด้วยคิดว่าชาวบ้านยังขาดแคลนความรู้ กิจกรรมนี้จัดอยู่จนครบสี่ปีก็ส่งผล เมื่อปีที่แล้วหนังสืออิเล็กทรอนิกส์พลิกกลับมาเป็นฝ่ายชนะได้ในที่สุด
ผมนึกถึงนายคนรักเนื้อปลา ไม่แน่ว่าการโหวตรอบหน้าเขาอาจจะสมหวัง
“คนพวกนั้นไม่มีสิทธิ์มายัดความคิดใส่หัวคนอื่นไม่ใช่หรือไง” คนขับรถบ่นไปขณะฟังข่าว ผมเดาว่าเขาคงชอบหนังสือจากกระดาษ ด้วยไม่อยากปะทะ จึงได้แต่นั่งฟังเขาเงียบๆ
จริงอยู่ว่าการยัดความคิดใส่หัวคนอื่น ไม่ได้ถูกบัญญัติไว้ว่าเป็นความผิดตามตัวบทกฎหมาย ในส่วนนี้คงต้องเถียงกันยกใหญ่ ‘การยัดความคิด’ กับ ‘การให้ความรู้’ อาจอยู่ห่างกันแค่เส้นกั้นบางๆ ไม่แน่ในวันหนึ่งอาจจะกลายเป็นหัวข้อโหวตก็ได้
ผมจ่ายเงินให้คนขับรถ ค่าโดยสารกลางปีนี้สูงขึ้นจากเดิมพอตัว ไม่รู้ว่าความคิดคนกลุ่มมากไปจับมือกันอีท่าไหน คล้ายทุกคนจะอยากได้รายได้สูงๆกันไปหมด อาชีพไหนเยอะก็ชนะไป แต่อย่างไรก็ไม่มีสิทธิ์บ่น เพียงอีกสองปีผมก็จะได้โหวตให้มันตำ่ลงสักสิบยี่สิบเหรียญสมมติ หวังว่าตอนนั้นเสียงฝั่งให้ลดจะมีมากพอ
ภรรยาผมรออยู่ที่บันไดกลางหน้าสำนักงานของเธอ เราตกลงใจไปเดินเล่นในตลาดเล็กๆริมน้ำ อาหารคำ่เป็นราเมงจากข้าวสาลีที่ไม่รู้ว่าจะมีกินไปอีกถึงเมื่อไร เมื่อรัฐบาลไม่สนับสนุนงบ เกษตรกรบางกลุ่มก็คงจะเปลี่ยนการผลิตไปตามนโนบาย .. ไม่แน่อาจจะมีราเมงจากแป้งข้าวเหนียวออกมาก็ได้ แต่เรื่องจะทำยังไงนี่ผมไม่มีความรู้
อย่างไรเสียระหว่างนั่งรถกลับ ผมมองไปตามทาง ร้านรวงหลายอย่างเปลี่ยนไปตามผลโหวตใหม่ ใครคนหนึ่งเดินออกมาจากร้านข้าวแกงกะหรี่ราดข้าวเหนียว .. พี่บึกนั่นเองไม่ใช่ใคร
ผมว่าพี่แกคงจะติดใจรสชาติแกงกะหรี่ร้านนี้มากจริงๆ...

Comments
Post a Comment